วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552



หลักการมองภาพฉายบนชิ้นงาน
1. ที่มาของภาพฉาย ตามปกติแล้วการมองเห็นภาพของสายตาของบุคคลทั่วไปจะรับภาพอยู่ใน
ภาพสามมิติอยู่ตลอดเวลา และจะมีความเคยชินกับการเข้าใจถึงรูปทรงต่างๆในการสื่อความหมาย
เสมอมา
รูปที่ 6.1 การมองภาพฉายบนชิ้นงาน
ที่มา : ธีระพล เมธีกุล และคณะ 2533 :6

ในทางปฏิบัติการเขียนแบบชิ้นงานให้เป็นภาพสามมิติ ทำได้ลำบาก และส่วนที่ถูกบัง
จะให้รายละเอียดไม่ชัดเจน หรือจะนำเอาชิ้นงานจริงไปเป็นตัวอย่างในการผลิตแทนรูปภาพสามมิติก็มิอาจทำได้ทุกกรณีแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นที่มาของภาพฉายสองมิติ ซึ่งง่ายต่อการเขียนลงภาพ แต่ก็เกิดปัญหาตามมาอีก คือ ภาพฉายสองมิตินั้นเป็นภาพที่บุคคลทั่วๆไปดูแล้ว
ต้องมีความรู้ และความสามารถทางด้านวิชาเขียนแบบมากพอสมควร จึงจะทำความเข้าใจภาพฉาย ( สองมิติ ) ได้

รูปที่ 6.2 การมองภาพฉายบนชิ้นงา
ที่มา : ธีระพล เมธีกุล และคณะ 2533 :6




2. การเกิดภาพฉาย การเกิดภาพฉายมีการเกิดอยู่ 2 ลักษณะ
2.1 เกิดในลักษณะการเกิดเงา เมื่อเกิดแสงมากระทบกับวัตถุแล้วเงาของวัตถุ
จะไปปรากฏที่ฉากรับภาพ เปรียบเสมือนการใช้ไฟฉายส่องวัตถุแล้วเงามืดจะเกิดบนจอนั่นเอง








รูปที่ 6.3 การเกิดภาพฉายในลักษณะการเกิดเงา
ที่มา : ธีระชัย เจ้าสกุล, 2547 : 121

2.2 เกิดในลักษณะการมองเห็นวัตถุ การที่คนเรามองเห็นอะไรได้นั้น เกิดจากแสงกระทบวัตถุ
แล้วภาพของวัตถุนั้นสะท้อนเข้าตาเรา จึงทำให้เกิดการมองเห็นเปรียบเสมือนมีฉากใสมากั้นสายตา
และภาพเกิดที่ฉากใสนั่นเอง










รูปที่ 6.4 การเกิดภาพฉายในลักษณะการมองเห็นวัตถุ
ที่มา : ธีระชัย เจ้าสกุล, 2547 : 121
หลักการมองภาพฉายบนชิ้นงานจริง จะต้องเลือกด้านที่ชัดเจนและมองเห็นรายละเอียดมากที่สุดเป็นภาพด้านหน้า หลังจากเลือกมองภาพด้านหน้าแล้ว การมองภาพด้านข้างให้มองจาก
ด้านข้างของชิ้นงานไม่ว่าจะเป็นด้านซ้ายหรือด้านขวาก็ตาม โดยทั่วไปแล้วภาพด้านข้างจะอยู่ซ้ายมือของภาพด้านหน้า ถ้ามองด้านใดแล้วให้ยึดด้านหน้าเป็นหลัก และเมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงจะสามารถมองภาพได้ 2 วิธีคือ
1. การมองภาพฉายมุมที่ 1 ( First - Angle projection ) หรือระบบ ISO
2. การมองภาพฉายมุมที่ 3 (Third - Angle projection ) หรือระบบอเมริกัน USA

ทิศทางการมองภาพฉายทั้งสามด้านบนชิ้นงาน

















รูปที่ 6.5 ทิศทางการมองภาพฉายทั้งสามด้านบนชิ้นงาน
ที่มา : จุฑามาศ เจริญพงษ์มาลา, (ม.ป.ป.). เว็บไซต์




การมองภาพฉายมุมที่ 1 ( First - Angle Projection ) หรือระบบ ISO
การมองภาพฉายมุมที่ 1
สังเกตได้ว่าจะมองเห็นภาพชิ้นงานก่อน
แล้วจึงเห็นระนาบหรือฉากรับภาพอยู่ด้านหลัง
เสมอ และมี สัญลักษณ์ในการมองภาพ








รูปที่ 6.6 การมองภาพฉายมุมที่ 1
ที่มา : ฝ่ายวิชาการ บริษัท สกายบุ๊กส์ จำกัด, 2547 : 143


สรุปการเกิดภาพฉายจากการคลี่ระนาบมุมที่ 1 ได้ดังนี้
1. ภาพด้านหน้า ( Front View )
เป็นภาพหลักของการมองภาพ
2. ภาพด้านข้าง ( Side View )
เป็นภาพที่ได้จากการหมุน
ระนาบไปอยู่ทางด้านขวามือ
ของภาพด้านหน้า
3. ภาพด้านบน ( Top View )
เป็นภาพที่ได้จากการหมุนระนาบไปอยู่
ทางด้านล่างของภาพด้านหน้า


รูปที่ 6.7 การมองภาพฉายมุมที่ 1
ที่มา : ฝ่ายวิชาการ บริษัท สกายบุ๊กส์ จำกัด, 2547 :144

การมองภาพฉายมุมที่ 3 (Third - Angle Projection ) หรือระบบอเมริกัน USA
การมองภาพฉายมุมที่ 3
เป็นระบบที่ไม่ค่อยนิยมใช้ในสถานศึกษาเพราะการมองภาพจะแตกต่างกับการมองภาพฉายมุมที่ 1 และยุ่งยากในการมองภาพ จึงไม่เหมาะสำหรับการเขียนแบบขั้นพื้นฐานแต่วิธีนี้นิยมใช้ในประเทศอเมริกาจึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระบบอเมริกา สามารถสังเกตได้ว่าจะมองเห็นฉากรับภาพก่อน แล้วจึงจะเห็นชิ้นงานโดยกำหนดฉากรับภาพเป็นฉากแก้วและมีสัญลักษณ์การมองภาพ สรุปการเกิดภาพฉายจากการคลี่ระนาบมุมที่ 3 ได้ดังนี้
1. ภาพด้านหน้า ( Front View )เป็นภาพหลักจากการมองภาพ
2. ภาพด้านข้าง ( Side View ) เป็นภาพที่ได้จากการหมุน ฉากรับภาพ
ไปอยู่ทางด้านขวามือของภาพด้านหน้า
3. ภาพด้านบน ( Top View ) เป็นภาพที่ได้จากการหมุน ฉากรับภาพ
ไปอยู่ทางด้านบนของภาพด้านหน้า
สรุปได้ว่าการมองภาพและการเขียนภาพฉายที่นิยมใช้มีอยู่ 2 มุม คือ การมองภาพฉาย
มุมที่ 1 และการมองภาพฉายมุมที่ 3 แต่ในการเขียนแบบพื้นฐานจะใช้การมองภาพและการ
เขียนภาพฉายมุมที่ 1 เพราะการมองและการเขียนภาพจะทำตามที่เห็นจากความเป็นจริง ซึ่งเหมาะสำหรับการเรียนเขียนแบบเบื้องต้น ดังนั้นในเนื้อหาที่จะใช้ในการเรียนงานเขียนแบบเบื้องต้นนี้จะใช้การมองภาพฉายมุมที่ 1 เท่านั้น














ทิศทางการมองภาพฉายทั้งสามด้าน

การหาภาพด้านหน้า
เมื่อมีภาพด้านข้างและภาพด้านบนกำหนดให้ จะหาภาพด้านหน้าได้จากการลากเส้นฉายของเส้นขอบรูปจากภาพด้านข้างมาในแนวนอนทางด้านซ้ายมือ และเส้นฉายจากภาพด้านบนขึ้นมาในแนวดิ่งเพื่อให้มาตัดกันเป็นจุดขอบรูปของภาพด้านหน้า ดังนั้นเมื่อต่อเส้นระหว่างจุดตัดก็จะได้ภาพด้านหน้าที่ถูกต้องตามที่ต้องการ
การหาภาพด้านข้าง
จากมุมล่างขวาของภาพด้านหน้าให้ลากเส้นฉายเอียง 45 องศากับแนวระดับ แล้วลากเส้นฉายแนวนอนจากภาพด้านหน้าไปทางขวามือ เพื่อที่จะให้ตัดกับเส้นฉายของขอบรูปที่ลากมาจากภาพด้านบนผ่านเส้นเอียง 45 องศาแล้วหักขึ้นสู่ภาพด้านข้าง มาตัดกันได้เป็นจุดตัดของขอบรูปของภาพด้านข้าง และเมื่อต่อเส้นระหว่างจุดตัดก็จะได้ภาพด้านข้างที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามที่ต้องการ
การหาภาพด้านบน
ภาพด้านบนจะหาได้จากการลากเส้นฉายแนวดิ่งจากภาพด้านหน้าลงมาตัดกับเส้นฉายที่ลากลงมาจากภาพด้านข้างซึ่งหักมุมผ่านเส้นเอียง 45 องศามาตัดกันเป็นจุดของขอบรูปของภาพด้านบน เมื่อต่อเส้นระหว่างจุดตัดก็จะได้ภาพด้านบนที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามที่ต้องการ











0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น